ทำเอาแฟนๆ ตั้งตารอเลยทีเดียว หลังจากที่มีข่าวว่า “นุ่น ศิรพันธ์” ได้ไปร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮ่องกง “Paradox เดือด ซัด ดิบ” ซึ่งมีพระเอกดังจากฮ่องกง “กู่เทียนเล่อ” และพระเอกนักบู๊ของไทยอย่าง “จา พนม ยีรัมย์” ร่วมแสดงด้วย โดยเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย “วิลสัน ยิป” ล่าสุดสาว “นุ่น” ก็มาเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปร่วมงานให้ฟังในงานแถลงข่าว “LEVI’S 50 YEARS OF THE ORIGINAL DENIM JACKE” ที่ YELO HOUSE โดยให้สัมภาษณ์ว่า
“ก็มีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ไปแตะหนังต่างประเทศ เดี๋ยวจะเข้าไทยสัปดาห์หน้า ตัวเราก็ไปแคสหนังไม่กี่ครั้ง ได้มาอาจจะด้วยวัยของเราที่มันเหมาะสมแหละ ก็ตั้งใจทำ ส่วนผู้กำกับเป็นคนที่ทำเรื่องยิปมันมาเนอะ ส่วนตัวก็ตื่นเต้นนะ แต่คนที่ตื่นเต้นกว่าคือพี่ “ท็อป พิพัฒน์” พี่ท็อปบอกว่าไปขอลายเซ็นเขามาได้ไหม ที่บอกเราได้ร่วมงานกับ “กู่เทียนเล่อ” เอ่อ…ในภาพยนตร์มีคุณกู่เทียนเล่อมาเล่นด้วย แต่เราไม่มีโอกาสได้ร่วมซีนกับเขาค่ะ จริงๆ นุ่นเข้าระบบแคสนักแสดงปกติเลยค่ะ เขาคงเปิดดูลิสต์จากเอเจนท์แล้วดูว่าใครน่าจะเหมาะสม ด้วยอายุมากกว่า ถ้าพูดถึงความเป็นไทยคงมีไม่กี่คนหรอกที่อายุเท่านี้แล้วหน้าไทยๆ สีผิวแบบนี้ค่ะ
จริงๆ นุ่นมีน้อยมากเลยนะ แต่ว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเพราะว่าระบบการทำงานของเขา อาหารการกินดี ดูนึกถึงเรื่องกินเนอะ (หัวเราะ) แต่ผู้กำกับเขาทำงานเป๊ะมากค่ะ อย่างนุ่นต้องหัดพูดภาษาจีน เราก็ไม่เคยพูด แล้วต้องซ้อมนานมากอะ แต่ความมืออาชีพของเขาคือเขาจะมีเวลาบอกด้วยว่าแต่ละซีนเขาต้องการกี่นาทีเพื่อจะไปใช้ในฉาก ปรากฏว่านุ่นพูดนานมาก เพราะไหนจะภาษาไม่คุ้น สำเนียงอีก แล้วก็พูดช้า เขาก็ต้องมากระชับให้พูดเร็วขึ้นๆ พอสุดท้ายปุ๊บก็พูดภาษาไทยเลย รู้สึกว่าเขาทำงานเป็นระบบ ถ้าเขามีเวลาเป็นข้อจำกัด อย่างอื่นเขาจะแก้ปัญหาให้มันสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดไว้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์การทำงานที่ดี ทุกคนเป๊ะมากจริงๆ”
ส่วนตัวก็ไม่เครียดอะไร เราก็สนุกสนานกับการอยู่ในกอง ถึงจะอยู่ในประเทศไทย แต่ว่าทีมงาน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นคนฮ่องกงค่ะ เราก็เอ๊ะ จะพูดอะไรกับเขาดีนะ มันจะมีความตลกนิดนึง ตอนเช้าปกติเราออกกอง คนไทยก็จะกินข้าวราดแกง แต่พอเป็นทีมงานต่างชาติ เราเห็นต่างชาติเขากินอาหารไทยก็เออๆ น่ารักดี
ความเป็นมืออาชีพของเขาคือเขาจะอัดเสียงสำเนียงที่เป๊ะๆ มาให้เราฟัง แล้วจะมีน้องที่เป็นล่ามประกบ คอยบอกว่าสำเนียงอันนี้ไม่ใช่ อันไหนที่พอพูดได้แล้วมันอยู่ในเวลา เขาก็จะมีคนประกบพูดตลอด แต่ก็ซ้อมหนักเหมือนกัน ก็นิดนึง อยากให้ดูกันนะคะ เพราะนุ่นว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้จุดเด่นคือพี่จา พนม ซึ่งแฟนๆ คงคิดถึงพี่จา และเรื่องนี้พี่จามาเต็มมากเลยค่ะ ที่รับเล่นอาจเป็นเพราะว่าตอนเขาเรียกไปเพราะเหมือนมีพอร์ทของเราอยู่แล้ว แต่ตัดสินใจเพราะนุ่นว่าเป็นโอกาสที่ดีค่ะที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมต่างชาติ บทมันก็ไม่ได้ยากมาก ไม่งั้นเราจะกดดันน่ะ ถามว่าตอนนั้นคู่แข่งเราเยอะไหม อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ
จะเรียกว่าโกอินเตอร์ไหม มันน้อยมากจริงๆ (หัวเราะ) แต่ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างนึงค่ะ สำหับเรื่องอื่นยังไม่ได้คาดคิดขนาดนั้นค่ะ แค่รู้สึกว่ามีโอกาสได้ทำงานชิ้นนึง ไม่รู้จะบอกยังไง มีโอกาสได้นั่งกับผู้กำกับยิปมันอย่างนี้สำหรับเราคงไม่ใช่เรื่องที่จะไปเจอตามท้องถนน นุ่นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ถามว่าจะมีโอกาสไหมคงแล้วแต่ คือไหนๆ ก็ขายแล้วเนอะ ถ้าชอบหน้าไทยๆ มาทางนี้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะไปแคส (หัวเราะ)
เรื่องหวั่นไม่หวั่นคือนุ่นว่าแต่ละเรื่องเอาพื้นฐานเนอะ เขาไม่ได้เอาชื่อเสียงมาเป็นหลักอยู่แล้วค่ะ เขาดูว่าอย่างน้อยคาแรกเตอร์คุณเหมาะสมรึเปล่า นุ่นก็เคยไปแคสหนังแล้วไม่ได้ก็มี ซึ่งเราก็ยอมรับทั้งความสามารถและขีดจำกัดของเราค่ะ ถามว่าเฟลไหมไม่ มันเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำค่ะ ถ้าเกิดไม่ได้ก็แค่ยอมรับว่าเราไม่เหมาะกับเรื่องนี้ เราก็พัฒนาตัวเองให้มันดีขึ้นค่ะ ใกล้จะถึงวันฉายแล้วพี่ท็อปก็จะชอบถามว่าเป็นยังไงบ้าง แต่มันก็น้อยๆ อะเนอะ นางก็เลยเอาใจช่วยมากกว่า”