หลังจากมีภาพของนางเอกสาว “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ร่วมเฟรมแนบชิดกับอดีตเพื่อนสาว “คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ” ทำเอาหลายคนต่างลุ้นให้ “แก๊งล่ม” กลับมาเหมือนเดิม แต่งานนี้หนุ่ม “หมาก ปริญ” ขอพูดดักไว้ก่อนว่าแก๊งล่มก็ล่มตามชื่อ ล่มแล้วคือล่ม ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแน่นอน พร้อมกับหลุดพูดเหน็บสาว “มิ้นต์” ว่า “คิมเบอร์ลี่” อาจจะสะดุดล้มหรือเปล่า ถึงได้รูปนั้นมา
พอได้เจอ “มิ้นต์ ชาลิดา” ในงานฉลอง 20 ล้านเครื่อง iRobot ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เลยขอถามถึงเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องชายโรคจิตที่เข้ามาบุกล็อคประตูบ้านของเจ้าตัว…
ถามถึงเรื่องที่เราถ่ายรูปกับ คิมเบอร์ลี่ ในงานปาร์ตี้สละโสด มาร์กี้ คนก็ดีใจว่ากลับมาคัมแบ็คกันแล้ว ?
“ก็จริงๆ เราก็เจอกันหลายงาน แล้วก็ถ่ายรูปกันแต่อาจจะเป็นรูปหมู่ อันนี้อาจจะใกล้ชิดกันเป็นพิเศษก็เลยถูกจับตามองใหม่”
เหตุการณ์ในงานวันนั้นเริ่มพูดคุยกันยังไง ?
“จริงๆ เราพูดคุยปกติกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วนะคะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันก็เป็นบรรยากาศงาน เราก็ถ่ายรูปคู่กับทุกคนค่ะ แต่ว่าอาจจะถูกโฟกัสเป็นพิเศษแค่นั้นเองค่ะ”
มีช็อตหวานๆ ทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้มกันด้วย ?
“คือจะบอกว่าก็ถ่ายกับทุกคนแบบนี้ สนุกสนานตามธีมงาน อาจจะมีรูปใกล้ชิดกัน แต่ว่าถ่ายกับทุกคน เพื่อนเจ้าสาวก็สลับกันถ่ายมาค่ะ ก็เป็นคอนเซ็ปท์ด้วย ก็จะแอบเซ็กซี่เล็กๆ เพราะเจ้าสาวเขารีเควสมาแบบนี้”
หลายคนมองว่าเราสองคนสมานฉันท์กันเป็นของขวัญแต่งงานให้เพื่อนในวันแต่งงาน ?
“ไม่จริงค่ะ คือเราคุยกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แล้วกี้เขาก็ไม่เคยพูดขอ กี้ก็ไม่เคยพูดอะไรค่ะ”
ถ่ายด้วยความสมัครใจของเราทั้งคู่ ?
“มันก็สนุกสนานอะค่ะ บรรยากาศมันก็เหมือนแบบเพื่อนๆ เล่นกันสนุกสนาน Party Girls ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นค่ะ”
เราเห็นฟีดแบคไหม หลายคนคอมเม้นท์รูปเราหนักกว่ารูปเจ้าสาวอีก ?
“นั่นนะสิ แย่งซีนเจ้าสาว (หัวเราะ) ก็เห็นค่ะ เห็นทั้งคอมเม้นท์ แล้วก็รูปที่แท็กมาค่ะ”
เราคิดไว้ไหมว่ามันจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก ?
“ก็นึกอยู่แล้วแหละว่าทุกคนต้องจับตามอง”
วันนี้ หมาก ปริญ ออกงาน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า คิมอาจจะสะดุดล้ม ก็เลยดูเหมือนถ่ายใกล้ชิดกัน คนก็มองว่าดูเหมือนแอบเหน็บแนบเราเบาๆ ?
“อืม…ขอไม่ออกความเห็นแล้วกัน ก็ไม่เป็นไรค่ะ ใครจะคิดยังไงอะไร เราก็ห้ามความคิดใครไม่ได้ ส่วนมิ้นต์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรค่ะ”
อีกกระแสหนึ่งก็มองว่ารูปที่เกิดขึ้น ทำให้คิมกับหมากทะเลาะกัน ?
“ไม่น่าจะหรอกค่ะ อันนี้ก็ต้องถามเขาเอง ไม่อยากเข้าไปเกี่ยว”
เราได้คุยกับคิมไหม ว่าหมากว่ายังไง ?
“ไม่นะคะ ไม่ค่ะ (หัวเราะ)”
ก่อนหน้านี้เรากับหมากเจอกันที่คอนเสิร์ตช่อง3 ก็ไม่มีอะไรใช่ไหม ?
“ก็เจอที่คอนเสิร์ต หลายเดือนแล้วค่ะ”
เรากลัวดราม่าไม่จบไหม พอหมากตอบมาแบบนี้ ?
“โอ๊ย…มันผ่านมานานแล้วอะ หลายปีแล้วค่ะ อดีตก็คืออดีต เราอยู่กับปัจจุบันดีกว่าค่ะ”
เรารู้สึกยังไงที่หมากพูดทำนองว่าแก็งล่มก็คือแก็งล่ม ต่อกันไม่ติด ?
“สำหรับอนาคตเราก็ไม่อยากไปคาดหวัง ก็ให้เป็นไปตามเวลาค่ะ คิดว่าเวลาจะช่วยอะไรหลายๆ อย่างได้”
เรากับหมากได้คุยกันปกติไหม ?
“ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันส่วนตัวค่ะ”
ความสัมพันธ์ของเรากับคิมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม ?
“มันก็ไปในทางที่ดีนะคะ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้ทะเลาะอะไร หรือมีปัญหากัน มันคุยกันมาอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่มีภาพที่ได้เจอกันมากกว่า”
ถามถึงคดีที่มีคนบุกบ้าน ?
“มิ้นต์ค่อนข้างกังวลและกลัวมาก เพราะมิ้นต์ไม่ทราบว่าเขามาบ้านมิ้นต์เป็นระยะเวลาค่อนข้างนานมากโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วเขาก็รู้เหตุการณ์ทุกอย่างว่ามีคนอยู่ในบ้านกี่คน และจากคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด เขาได้มาหยิบเอกสารหน้าบ้านไป เหมือนเป็นความเคยชิน มิ้นต์อยู่บ้านใหม่มายังไม่รู้เลยว่าเอกสารหน้าไปรษณีย์เป็นยังไง”
“แล้วเขาได้โทรมาทางเบอร์เลขาคุณแม่ที่เป็นคนรับงานให้มิ้นต์ ก็สลับเปลี่ยนกันใช้กับคุณแม่เป็นระยะเวลานานมาก และมีการนำรูปที่ค่อนข้างไม่เหมาะสมอย่างที่ทุกคนน่าจะเห็นแล้วแหละไปลงโซเชียลว่ามิ้นต์ทำอย่างนี้ คุ้มค่าจ้างที่จ่ายไปมากเลย แต่มิ้นต์ก็คิดว่ามันก็มีคนแบบนี้แหละเป็นเรื่องธรรมดา จนเขาเริ่มเข้าใกล้ตัวเรามากแล้วก็เลยเริ่มกังวล จนวันที่มาล็อกกุญแจหน้าบ้าน แม่อยู่บ้านคนเดียวค่ะ”
คนนั้นเป็นคนที่คลั่งไคล้เรา ?
“มิ้นต์ไม่รู้ คือเขาโทรมาแล้วเราบล็อกเบอร์เขาไป เขาก็หาเบอร์ใหม่โทรมา 20 เบอร์ เป็นระยะเวลาเกือบ 3-4 เดือน มิ้นต์ไม่ทราบว่าเขารู้ที่อยู่บ้านมิ้นต์นานแค่ไหน แต่ทางตำรวจได้ไปถามพนักงานร้านสะดวกซื้อ เขาบอกว่ามาทุกวัน ทุก 7 โมงเช้าเขามานั่งดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ พอเขามาล็อกประตูบ้าน วันนั้นมิ้นต์ถ่ายละครอยู่ เราก็ค่อนข้างตกใจ เราเคยชินในการออกไปข้างนอก ทุกวันนี้ต้องระวังมากขึ้นเพราะว่าหลายวันเหมือนกันก่อนที่จะจับได้ แต่พอจับได้แล้วเนี่ย มันก็เป็นเรื่องของศาลตัดสินค่ะ ซึ่งเขายังไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรมาก”
“ล่าสุดมิ้นต์ตกใจมากเลย เขาส่งจดหมายมาที่บ้านมิ้นต์ในวันที่ 13 หลังจากเขาโดนจับไปไม่กี่วัน แสดงว่าเขาออกมาแล้ว พอโทรเช็กกับสถานีตำรวจ เขาก็ยังไม่รู้ว่าออกมาแน่ชัดรึยัง เพราะตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ศาล มิ้นต์ก็ได้แจ้งความกับทางตำรวจไปแล้วว่ามีจดหมายของเขาส่งมา และมีการโทรมาอีกแล้วทุกวัน ก่อนหน้านี้มิ้นต์เดินทางไปต่างประเทศ เขาก็ยังโทรติดต่อเบอร์ที่เป็นผู้จัดการไม่ได้เพราะไม่รับสาย เขาก็โทรมาทางญาติมิ้นต์แล้วบอกว่าอยากมาขอโทษที่มาล็อกกุญแจบ้าน ซึ่งมันยังไม่จบน่ะค่ะ ก็ต้องรอในเรื่องกฎหมายไปเพราะว่าไม่ทราบว่าใครมาประกันตัวค่ะ”
ตอนนี้เราดูแลตัวเองยังไง ?
“ระแวงเลยค่ะ ทุกวันนี้มางานก็กังวล ไม่มั่นใจ คือเราไม่เคยเห็นเขาตัวจริง เคยเห็นแต่ในรูปตามบัตรประชาชนแค่นั้น”
เราต้องบอกคนในหมู่บ้านให้ช่วยดูให้ไหม ?
“คือตำรวจก็ได้ประสานงานแล้วค่ะ”
ที่บ้านต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยไหม ?
“ตอนนี้ไม่เปิดประตูทิ้งไว้ แม่บ้านจะพยายามดูค่ะ เขาก็เป็นผู้หญิงด้วยค่ะ ก็พยายามจะติดกล้องเพิ่มขึ้นค่ะ”
ทำให้เราใช้ชีวิตยากขึ้นไหม ?
“คือความลำบากใจ ความกังวลมันมีมาก แต่ว่าความดูแลในความปลอดภัยก็ต้องเพิ่มขึ้นระดับนึงค่ะ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งจุดตรวจเพิ่มไหม ?
“ก็เคยมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาตรวจสอบค่ะ แต่ก็อยากฝากไปถึงญาติเขา เพราะมิ้นต์ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาออกมาแน่ชัดรึยัง แต่การที่โทรออกมาได้แสดงว่าไม่น่าจะอยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้วค่ะ อยากฝากถึงญาติเขาว่าอยากให้ช่วยดูแล เราไม่ได้ติดใจอยากเอาความอะไร แต่แค่เป็นเรื่องความปลอดภัย เพราะเขามีคดียาเสพติด ก็ค่อนข้างอันตรายค่ะ”
ภูผาว่าไงบ้าง ?
“เขาได้ส่งข้อความไปหาภูผาด้วยว่าช่วยควบคุมมิ้นต์หน่อย อย่าให้ไปยุ่งกับเขา เขาส่งไปหลายที่ค่ะ กับคนใกล้ตัวเขาได้ส่งข้อความไปเหมือนกัน”