ในงานเปิดตัวเครื่องสำอาง “RAD Cosmetics” ณ ลานเอเทรียม 1 ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ได้มีโอกาสเจอ 2 นักร้องสาวเนโกะจัมพ์ “เนย วรัฐฐา อิมราพร“ และ “แจม ชรัฐฐา อิมราพร” เลยขอถามถึงเรื่องโพสต์ไอจีดีใจที่หมดสัญญากับทางต้นสังกัดค่ายอาร์เอส รวมทั้งถามถึงความคืบหน้าเรื่องงานแต่งงานของสาว “เนย” กับ “ฤทธิ์ กาไชย” และอัพเดทเรื่องที่ “เนย” ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปพบกรณีโพสต์ภาพแอลกอฮอล์
โดย “เนย” เผยว่า “เรื่องหมดสัญญาที่เนยโพสต์ไอจีก็ยอมรับว่าดีใจใหญ่มาก (ยิ้ม) เพราะเรารอมา 2 ปี มันก็ค่อนข้างที่จะนาน พอหมดสัญญาก็ต้องดีใจ แต่เนยไม่ได้ดีใจประชด เราดีใจจริงๆ และเราก็ต้องขอบคุณอาร์เอสด้วยที่ให้เราสองคนได้ทำงานที่นี่มา 10 ปีแล้ว ก็ถือว่าไม่มีเขาก็ไม่มีเราวันนี้ และเราก็หมดสัญญากับอาร์เอสสวย เพราะเราไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญหากับเขา มันเป็นการพูดคุยกันว่าจะต่อสัญญาไหม พอเราตัดสินใจว่าไม่อยากเซ็นต่อก็บอกเขา ฉะนั้นก็เป็นไปตามกฎของเขาว่าไม่มีการทำอัลบั้มต่อและรอจนกว่าสัญญาจะหมดค่อยเริ่มทำงานใหม่ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร
พี่โฟร์ (ศกลรัตน์ วรอุไร) ก็มีคุยกันและเขาก็ฝากฝังกับผู้ใหญ่บ้าง (ยิ้ม) แต่เราก็ไม่อยากให้คนมองว่าพอหมดสัญญาจากที่นึงแล้วจะต้องไปอยู่ค่ายตรงข้าม แต่เราแค่อยากเป็นอิสระมากกว่า ดังนั้นถ้าผู้ใหญ่ที่ไหนอยากได้เราไปร่วมงานเราก็ยินดี
ส่วนเรื่องแต่งงานเนยคุยกับพี่ฤทธิ์ว่าเราหมดสัญญาเป็นอิสระแล้วขอทำงานแป๊บนึงก่อนสัก 1-2 ปี เขาก็รอไหวค่ะ ถึงรอไม่ไหวก็ต้องรอ (ยิ้ม) เนยก็รู้ว่าคนรอบข้างพี่ฤทธิ์แต่งงานมีลูกหมดแล้ว เขาก็เลยรู้สึกเหมือนโดนบิลด์ แต่เนยก็ต้องขอเวลาแป๊บนึงจริงๆ ตอนนี้เราไม่ได้ดูอะไรพิเศษ แค่คิดๆ ไว้เฉยๆ ว่าเราสองคนอยากจัดประมาณไหน ธีมก็มีในใจบ้าง ชุดก็ดูไว้เยอะแต่ก็ดูๆ ไปก่อน
ซึ่งเราก็ยังไม่ได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเลย เพราะเนยต้องคุยกับพี่ฤทธิ์ก่อนว่าเราอยากเข้าไป แต่ต้องดูความพร้อมของหลายๆ ฝ่ายหลายๆ คนเพราะเราก็ต้องเทคแคร์ใจของคนหลายด้านมาก ก็รอจังหวะที่เหมาะสมก่อนดีกว่า
เรื่องโพสต์รูปแอลกอฮอล์เนยโดนเรียกคนเดียว ตอนแรกงงเพราะทนายไลน์มาตอนเราอยู่ต่างประเทศพอดีไม่เห็นข่าว พอดูก็เป็นรูปเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วซึ่งเราไม่มีลงใหม่เลยเพราะเราไม่ทานแอลกอฮอล์แล้ว เนยอยากเลิกพอดี ตอนนี้เราก็มีเข้าไปรับสารภาพและรอจ่ายเงินค่ะ”
ทางด้าน “แจม” เผยว่า “หมดสัญญาแล้วก็รู้สึกหลายๆ อย่างรวมๆ กัน มันก็โล่งเพราะพอเราโตขึ้นมันก็จะมีความต้องการส่วนตัวที่เราอยากลองทำงานแบบต่างๆ ดูบ้าง แต่เราไม่ได้เข็ดที่มีสัญญาผูกมัดการทำงาน มันเป็นเพราะเราทำงานมานานแล้วก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เราต้องก้าวไปอีกสเต็ปนึง เราสองคนคิดว่าอยากทำงานแบบอิสระก็เลยถึงเวลาที่เรากล้าจะเดินออกมาจากจุดนี้แล้ว
และเราก็ไม่ได้น้อยใจที่โดนดองงานแบบที่คนคิดด้วยเพราะการที่เราไม่ทำอะไรและรับงานไม่ได้มันเป็นเพราะเราไม่ต่อสัญญา ก็ต้องเข้าใจสองฝ่ายด้วย อย่างเขามีเด็กในสังกัดเยอะ เขาก็ต้องเอางานให้เด็กในสังกัดเขาดีกว่ามาให้คนที่กำลังจะหมดสัญญาแบบเรา อันนี้เราเข้าใจแผนการทำงาน ต่อไปคงจะได้เห็นเราในด้านการแสดงมากขึ้นและมีช่องยูทูบของตัวเอง ส่วนเพลงถ้ามีโอกาสก็อาจจะไปแจมหรือฟีเจอริ่งกับคนอื่นก็ได้ค่ะ”