ยังไม่ทันแต่งงานก็ถูกเม้าท์ว่าอยู่สมาคมพ่อบ้านใจกล้าซะแล้วสำหรับ “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” เพราะเห็นว่าเวลาอยู่ด้วยกันกับ “มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า” ก็จะเออออห่อหมกด้วยตลอด แถมเรื่องจัดงานแต่งส่วนใหญ่ก็จะตามใจฝ่ายหญิงอีกด้วย พอได้เจอหนุ่ม “ป็อก” ในงานบวงสรวงภาพยนตร์โปรเจกต์ใหญ่ “ตี 3 ภาค 3” ณ ไฟว์สตาร์ฯ แยก อสมท. ก็ให้สัมภาษณ์ว่า
“เล่นหนังเรื่องนี้จริงๆ เราเป็นคนกลัวผีนะ แต่ที่รับเพราะกี้เขาบอกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น เขาเคยเล่นมาก่อน พอมาเล่นจริงๆ ก็สว่างมาก คนเยอะแยะ ที่ยากจริงๆ คือเราต้องเล่นให้กลัวจริงๆ เป็นการท้าทายและเป้นประสบการณ์ใหม่ด้วย ผู้กำกับเขาก็บอกว่าถ่ายหนังไม่เหมือนกับละคร ถ่ายละครคือมี 3 กล้องเล่นแล้วเล่นเลย แต่ถ้าหนังจะต้องถ่ายอยู่อย่างนั้น เล่นซ้ำๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำการบ้านมากขึ้น เราก็ต้องดูบทว่าตัวละครตัวนี้คิดยังไง ควรจะแสดงท่าทางยังไง จะบอกว่าตัวละครตัวนี้ไม่เหมือนเราเลย เขาเป็นจะคนที่นิ่งมากๆ ไม่ค่อยพูดสักเท่าไร แต่แสดงท่าทางออกมา ซึ่งเราว่ามันยากกว่าการพูด กับที่ถามว่ามีของกันอะไรไหม ก็ไม่มีเพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่สร้อยพระอยู่แล้ว แต่ตอนนอนเราก็สวดมนต์ทุกวัน เอาจริงๆ เราก็ไม่เคยเจอแต่ขอให้ไม่เจอดีกว่า อาจจะไม่ได้เป็นคนมีเซ้นส์เห็นผีเหมือนคนอืนแต่ก็ขอให้เป็นแบบนี้ต่อไป
ถามว่ามีอะไรอยากทำในวงการอีกไหม คือเราก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรนะ อย่างที่บอกว่าทุกอย่างเหมือนประสบการณ์ชีวิต ทำได้ก็ทำถ้าไม่หนักหนาจนเกินไป เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่จะนำมาพัฒนาตนเองได้ ก็ยินดี ถามว่าชอบทำงานในวงการได้เจอคนมากกว่าทำงานในออฟฟิศไหมก็ชอบมากกว่า ถ้าอยู่ในออฟฟิศเราจะดูนาฬิกาตลอด เรารู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรหลายๆ อย่างแล้วมานั่งดูนาฬิกามันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะทำ พอมาอยู่ตรงนี้มันต้องออกมาข้างนอก ต้องเจอผู้คน มันก็ทำให้รู้สึกว่าเวลามันช่างผ่านไปเร็ว เราแทบไม่ได้ดูเวลาเลย ก็สนุกดี สำหรับธุรกิจทางบ้านตอนนี้ก็เหลือแค่อาทิตย์ละครั้ง เราก็คุยกับที่บ้านชัดเจนแล้ว คุณพ่อก็โอเค ขอแค่เข้ามาประชุมด้วยกัน อย่างน้อยๆ เผื่อมีไอเดียอะไรเขาก็จะได้มุมมองจากคนที่ต่างรุ่นนิดหนึ่ง ทุกวันนี้ก็แฮปปี้มีความสุขดี
กับ “มาร์กี้ ราศรี” เราก็ปรึกษาตลอด เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่เรามีเขามาช่วยตรงนี้ การที่เราไปเรียนแอคติ้งมันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำ แต่พอมีเขาซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มาช่วยก็ทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว เราได้เช็คหลายๆ อย่างที่เราเรียนสามารถนำมาใช้ได้เลยทันที เหมือนเขาบอกทางลัดเราให้เราเข้าใจได้เร็วขึ้น ทำให้นำมาใช้ได้ไว แต่เขาไม่ได้ยุ่งเรื่องงานนะ เขาจะแนะนำเทคนิคต่างๆ ในการทำงานมากกว่า
แล้วที่หลายคนมองว่ายังไม่แต่งงานก็เหมือนเราเข้าสมาคมกลัวแฟน จะคิดแบบนั้นก็ได้แต่ต้องคิดอีกแบบหนึ่งด้วย เราไม่ได้กลัวแต่เราเกรงใจซึ่งกันและกัน ส่วนตัวเราเชื่อเรื่องกรรมเหมือนกัน ถ้าอะไรที่เราไม่อยากเจอหรือเสียใจเราก็ไม่ควรจะทำแบบนั้นกับเขา เขาอาจจะไม่ทำแบบนั้นกับเราเหมือนกัน ที่คนเข้ามาคอมเม้นท์ว่าเราอยู่สมาคมพ่อบ้านใจกล้าก็เห็นแล้ว(หัวเราะ) ก็เดี๋ยวรอดูแล้วกันว่าจะกลัวหรือเปล่า จริงๆ เราก็เป็นอย่างนี้กับกี้มาตั้งแต่แรก คือวันแรกเป็นยังไงวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น ก็พยายามจะทำให้เต็มที่
ที่บอกกี้ไปดูชุดแต่งงานที่ต่างประเทศ อันนั้นน่าจะภาพเก่ามากกว่า ของเราเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไว้บอกอีกทีแล้วกัน ส่วนของเขาเห็นว่าดูไว้ทั้งที่ไทยและที่ต่างประเทศแต่ไม่ใช่ที่ยุโรปหรอก อาจจะแถวๆ เรานี่แหละ จริงๆ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไรแต่เขาก็เปิดให้ดูบ้าง ก็ยังไม่เห็นเขาตัดสินใจนะว่าจะยังไง ส่วนที่หลายคนจับตาว่าจะจัดงานแต่งในหลัก 10 ล้านก็ไม่ขนาดนั้น ไม่ไหวมั้ง ก็ตามความเหมาะสม เข้าใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเขา เราก็อยากให้ให้เขาแฮปปี้ แต่ไม่ใช่แบบเว่อร์วังอะไร ถ้าเอาเงินมาใช้ตรงนั้นแค่เวลาไม่กี่ชม. แถมครั้งเดียวอีก อันนี้ก็คิดเอาเองเนอะ มันคงไม่คุ้มอะไรขนาดนั้น เอาเท่าที่ตัวเองแฮปปี้ก็พอ กับชุดแต่งงานเขาเราก็ยังไม่ได้วางงบนะแต่เขาก็คงไม่ได้อะไรมากหรอก สำหรับชุดตอนนี้เราได้มา 2 ชุดแล้ว ชุดไทยสำหรับงานหมั้นยังไม่ได้ติดต่อเลย เดี๋ยวรอกี้ติดต่อให้
ความคืบหน้าตอนนี้ก็ทำการ์ดกันแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปแบบ ต้องเจอกันอาทิตย์หน้า กับของชำร่วยก็ติดต่อแล้ว รายชื่อแขกของเราเสร็จแล้วแต่ของคุณแม่ยังไม่เสร็จ คือ…เราเองก็อยากให้มันเคลียร์เนอะ รู้สึกเครียดเหลือเกิน หลังๆ รายละเอียดเยอะแยะมาก อันไหนที่กี้เสนอมาถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ได้แย่ก็จะเออออกับเขาไป เราไม่อยากให้มีปัญหา เดี๋ยวเกิดเขาเตรียมมาแล้วแต่เราดันไม่เอามันก็ต้องเสียเวลาหาใหม่อีก ดังนั้นถ้าเขาโอเคแล้วเราก็โอเค สำหรับเปอร์เซ็นต์จัดงานตอนนี้หนักๆ เลยจะเหลือแต่เรื่องงาน รายละเอียดงานเราแทบจะยังไม่ได้คุยเลย คือคุยกับออแกไนซ์ไปบ้างแล้ว เย็นนี้ก็จะมีคุยอีกในตอนเย็น เดี๋ยวจะมานั่งสรุปกันแล้วว่าจะประมาณไหนเพราะจากที่ดูๆ คนก็ไม่น้อย แต่เราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันทุกวันหรอก ส่วนใหญ่จะคอยตามมากกว่าว่าถึงไหนแล้ว”