โดนเพื่อนแซงหน้าไปเสียแล้วสำหรับ “ภูผา เตชะณรงค์” เพราะคู่ของ “มาร์กี้ ราศรี” และ “ป๊อก ภัสสรกรณ์” กำลังจะมีข่าวดีกันอีกไม่นานนี้ พอได้เจอเจ้าตัวในงานฉลองเปิด LINE VILLAGE STORE ณ ชั้น 1 อาคารสยามสแควร์วัน ก็เลยถามเรื่องเจ้าตัวกับหวานใจอย่าง “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ว่าเมื่อไรจะถึงคู่ของตัวเองบ้าง โดยหนุ่ม “ภูผา” ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
คู่ของ “มาร์กี้ – ป๊อก” แซงหน้าไปแล้ว คู่เราก็ยัง อันนั้นเขาพร้อมแล้วก็ให้เขาไปก่อน เรายังทำงาน งานเรายังไม่ลงตัวเลย มีวางแพลนไหมก็ยังเลย ด้วยความที่น้องเขายังเรียนด้วย ยังเรียนไม่จบ เราก็ยังอยากทำงาน ยังอยากโฟกัสกับการทำงานให้พร้อมก่อน ถามว่าคิดไว้ไหมก็คงน่าจะยาก เพราะว่าเราไม่เก่งเรื่องเซอร์ไพรส์
ตอนนี้ “มิ้นต์” เปลี่ยนลุคเป็นเซ็กซี่มากขึ้น ก็อยู่ที่ตัวน้องเขาแหละ ถ้าเขาชอบเราก็ไม่ได้ห้าม เขาก็ทำงานด้วย มันก็ต้องมีจากเด็กเป็นผู้ใหญ่มันต้องมีการปรับลุคกันบ้าง ทุกคนต้องโต ถามว่าชอบไหม ถ้าเราไม่ชอบก็ต้องแปลกสิ ถ้าเราเห็นอะไรที่สวยๆ งามๆ เราก็ชอบ เรื่องสกรีนอันนี้เราว่าน่าจะอยู่ที่ตัวเขาเอง เขาทำงานมามากกว่าเรา เขาน่าจะรู้ลิมิตตัวเองอยู่แล้วว่าขนาดไหนยังไง ถามว่ามีแซวไหม เราก็มีช่วยชม ช่วยดูว่าโอเค ดูลุคเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถามว่าหวงไหม เอาเป็นว่าถ้าคุณพ่อเขาโอเคก็คงไม่เป็นไร คือคุณพ่อเขาจะเป็นด่านสุดท้ายอยู่แล้ว ถ้าคุณพ่อเขาไม่ว่าผมก็คงไม่มีสิทธิ
ล่าสุดเขามีของฝากให้เราหลังจากไปต่างประเทศด้วย พอดีมันเป็นช่วงแชมป์พอดี บาสเพิ่งจบแล้วเราชอบทีมนี้ แล้วพอดีเขาอยู่เมืองนอกพอดี เราเลยฝากเขาซื้อ เป็นของฝากเฉยๆ ก็ดี เราก็คุยก็ติดต่อกันปกติ เพราะว่าเราก็ทำงานทุกวันด้วย
กับคุณพ่อของน้อง ก็ถ้าเราอยู่กันมาสักพักแล้ว เราก็รู้จักทางครอบครัวน้อง รู้จักคุณพ่อมาสักพักแล้ว เราก็ให้เกียรติและอยู่กับเขาเหมือนอยู่ภายใต้ท่านอยู่ดี เราก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรือดูแย่ในสายตาผู้ใหญ่ด้วย ถามว่ามีเกร็งไหม ความเกร็งมันก็ต้องมีอยู่แล้วแหละ เพราะเราต้องให้เกียรติเพราะเขาเป็นคุณพ่อของลูกสาว เขาต้องมีความปกป้องลูกสาวอยู่แล้ว เราก็ให้เกียรติเขาอยู่แล้ว ส่วนคุณพ่อเปิดทางให้ไหม ก็อย่าเรียกว่าเปิดทางเลยครับ เหมือนคุณพ่อก็ให้ความไว้วางใจมากขึ้น ก็มีโอกาสได้เจอท่านบ้าง
ถ้าท่านถามถึงเรื่องแต่งงาน ก็บอกให้ไปถามงานพี่ป๊อกก่อนละกัน เขาพร้อมแล้วไง แต่เรายังไม่พร้อม ให้ตอบตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี ส่วนจะอีกนานแค่ไหนอันนี้ตอบไม่ได้จริงๆ เราต้องดูตัวเองด้วยแหละว่าพร้อมขนาดไหน ถ้าพร้อมเมื่อไรก็บอกพวกพี่ละกัน ขอทำงานให้ทุกอย่างมันพร้อมดีกว่า ตอนนี้ถ้ารีบไปก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ตั้งเป้าไว้อย่างน้อยก็ขอเลขสามขึ้นละกันครับ ก็อีกสัก 4-5 ปี เรายังไม่ชัวร์ไง เรายังตอบไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้”