ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ไฟแรงสำหรับ “บิ๊ก ศรุต วิจิตรานนท์” กับการพลิกบทบาทที่โด่งดังสุดๆ กับ “พระเพทราชา” ในละครบุพเพสันนิวาส ที่ล่าสุดออกมาให้สัมภาษณ์ หลังมีประเด็นถูกหญิงหลอกมาหลายต่อหลายครั้ง งานนี้เจ้าตัวจะว่ายังไงไปฟังกันเลยจ้า
อยากถามพี่ถึงเรื่องที่ไปออกรายการพี่หนิงว่าพี่จะโดนเรื่องผู้หญิงหลอก?
“นี่ไงแสดงว่าเมือกี๊นึกอยู่ว่าจะถามอะไรพี่บิ๊กดีหว่า ผมว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องโดนผู้หญิงหลอกก็จริงนะ แต่ทุกคนก็คิดว่าคนอย่างพี่บิ๊กเนี่ยนะ ถ้าไอ่คำว่าบ่อยก็ไม่บ่อยนะ แต่ก็มีนะ ผมว่าก็เฉยๆนะเพราะผมถือว่ามันเป็นชีวิตอ่ะ ผมว่ามันสนุกดีมันเป็นการใช้ชีวิต คนเราไม่จำเป็นต้องคนสมบูรณ์แบบ ดีไปซะทั้งหมดนะ ผมเองก็ทำไม่ดีมาตั้งเยอะกว่าที่เราจะผ่านมาได้ เราเริ่มต้นใหม่เป็นคนดี คือผมว่าทุกคนมีโอกาสเจอแบบนี้ได้หมด แต่วันนึงพอเราโตขึ้นเราก็รู้สึกว่าเรื่องนั้นมันเล็กนิดเดียว อย่าไปคิดมากเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตแค่นี้เลยสั้นๆ หนักสุที่เคยเจอของผมคือมันเหมือนกับ คือคนที่คุยไม่ใช่ตัวเค้าจริงๆประมาณนี้ครับ”
หนิงรู้เรื่องรายละเอียดเราทุกอย่างเลยหรอ ?
“ผมว่าไม่หรอก หนิงก็พอรู้บ้างว่าเราเป็นคนแบบไหน แต่ไม่ได้ทั้งหมด หนิงก็มีชีวิตของหนิง ผมก็มีชีวิตของผม ไม่ได้อัพเดตกันทุกวัน แต่พอเค้ารู้จักเรา ก็จะมองเราเป็นคนใจดี เลยโดนผู้หญิงหลอกง่ายเป็นฟิวส์แบบนี้ ต่อไปนี้ไม่มีแล้วครับเพราะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนคบกันมาปีหกปี”
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เรากลับมาตอน40เริ่มมีแฟนคลับ?
“ก็ดีครับดี ผมมีป้ายไฟหนแรกตอนอายุ46อ่ะ ก็ดีครับมันดีทำให้เราชุ่มฉ่ำ เราทำงานมานานเราก็เคยชินการทำงานแบบนี้ ละครออนแอร์ ละครฉายถ่ายเสร็จเราก็จบ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปละครฉายละครจบแต่ทุกอย่างยังคงอยู่มันทำให้เรารู้สึกดีครับ มันสวยงามไปหมดเลยครับ”
แฟนมีมาถามมั้ยว่าเป็นไงบ้างมีแฟนคลับแล้ว เค้าช่วยอะไร?
“โหเค้าคุยกัน เค้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ คือหมายถึงว่าเค้าไม่เข้ามาก้าวก่าย เค้ารู้ว่าผมทำงานแบบนี้มาเป็น20ปีแล้วอ่ะก็จะรู้ก็จะไม่ก้าวก่ายอะไร”
เห็นบอกว่าอยากแต่งงานกับคนนี้ อยากใช้ชีวิตด้วย?
“คือเราใช้ชีวิตมาเยอะจนเราคิดว่าบางทีเราอยากมีเพื่อน เอาจริงๆผมไม่ชอบคำว่าแฟน ผมไม่ชอบคำว่าภรรยา ไม่ชอบคำว่ามีเมีย โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันจำกัดตัวเอง ผมอยากมีเพื่อนมากกว่า อยากมีแบบคุยกได้ทุกเรื่องไปไหนด้วยกันทานข้าวด้วยกันผมอยากมีแบบนี้ ซึ่งเป็นคนรักอิสระเป็นคนโคตรอินดี้เลย ผมเลยชอบคำว่าเพื่อนมากกว่า แต่ตอนนี้ไม่ได้อินดี้ขนาดนั้นนะครับ”
เค้าเข้าใจเรามั้ย มองเรื่องการแต่งานไว้บ้างมั้ย?
“เข้าใจครับ ไม่งั้นคงอยู่กันไม่ได้ แต่งงานคงไม่แต่งครับ จดทะเบียน กินข้าวจบเลยแค่นี้เล็กๆ มีการคุยกับคุณแม่เค้าไปแล้วครับ ก็มีการทาบทามบ้าง จริงๆผมคิดว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเรื่องที่ต้องทำผมอาจจะคิดอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านเค้านะ แต่ผมคิดว่าการจะทะเบียนเป็นการบอกผู้ใหญ่ว่าสิ่งนะคือคนสองคนจะมาใช้ชีวิตสร้างอะไรด้วยกันผมรู้สึกแค่นั้น เพราะว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรที่ผมเป็น ซึ่งเค้าก็คิดเหมือนผมเลยเค้าพูดก่อนที่เค้าจะพูดด้วยซ้ำไป เค้าจะเป็นคนมีในสิ่งที่ผมไม่มีเค้าจะมาเสริมทำให้เราสบายใจขึ้น แต่เค้าเป็นคนอดทนมากและใส่ใจความรู้สึกผมเลย เค้าก็ดีกับเรานะ”