สำหรับดาราหนุ่ม “ฌอห์ณ จินดาโชติ” เป็นหนึ่งในดาราที่มีชื่อเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 เนื่องจากได้โพสต์ภาพให้เห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แชร์ลงบนโซเชียล ทำให้เจ้าตัวต้องเดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการ ล่าสุด หนุ่มฌอห์ณ ได้ออกมาเผยถึงคดีดังกล่าว พร้อมแจงความสัมพันธ์กับดาราสาว “ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์” หลังโดนจับผิดดูมีความสนิทแนบแน่นกันเป็นพิเศษ แถมก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังถูกมองเป็นมือที่สามทำสาวยิปซีเลิก “เจษ เจษฎ์พิพัฒน์” อีกด้วย
“เมื่อวันก่อนได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปเรียบร้อยแล้วครับ ทางผู้ใหญ่ก็ได้โทรมาทางพี่เบิ้ล (ผู้จัดการส่วนตัว) เราก็เลยไป ได้มีการเปรียบเทียบค่าปรับ และแจ้งข้อผิดพลาดให้เราทราบ บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้ทราบเรื่องข้อกฎหมายข้อนี้ อีกอย่างที่เราช่วยเหลือเพราะเป็นของเพื่อนและผู้ใหญ่ที่รู้จัก ก็ยอมรับผิดและขอโทษ เพราะผมไม่ได้มีเจตนาอะไร ส่วนตัวไอจีผมจะไม่ค่อยมาโพสต์ทางนี้อยู่แล้ว นอกจากของเพื่อนจริงๆ เขาก็บอกเข้าใจๆ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบ ผมก็ยอมรับผิด และเปรียบเทียบค่าปรับไป เรื่องโดนปรับ น่าจะเท่ากับทุกคนนะครับ แต่ยังไม่ทราบว่าตัวเลขจริงๆ เท่าไหร่ ต้องรออีกรอบ”
“ถามว่าได้มีการขอให้ช่วยรณรงค์เรื่องนี้ไหม ตั้งแต่สองปีก่อนที่ไปพบคุณด็อกเตอร์นะครับ แกก็ให้ความร่วมมือ ขอความร่วมมือ ซึ่งเราก็ให้ความร่วมมือตลอดนะตั้งแต่นั้นมา และเราก็ค่อนข้างจะเคร่งคัดเรื่องการโพสต์มาตลอดเรื่องเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ จริงๆ เจ้าหน้าที่ก็พูดประโยคเดิมซึ่งเราก็เข้าใจและโอเคอยู่แล้ว”
“จริงๆ มันจะมีเดินทางเข้าพบอีกรอบหนึ่ง คือการเปรียบเทียบค่าปรับ แต่อันนี้ไม่แน่ใจว่าต้องไปด้วยตัวเองหรือเปล่า ซึ่งเราก็ไม่ได้มีปัญหา ต้องไปรับทราบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบวันเลยครับ อยู่ในช่วงค่อยๆ ไล่เจอพี่ศิลปินไปก่อน”
“ถามว่าตอนนี้โล่งใจขึ้นไหม ครั้งแรกคือตกใจครับ อีกแล้วเหรอ (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องเก่า แต่เราก็เข้าใจกฎหมาย ผิดอะไรก็ว่ากันไปตามผิด ที่บ้านก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะเราไม่ได้มีเจตนาอะไร ก็ไปรับทราบตามกฎหมาย กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องบอกให้ผมรู้ว่าผมต้องใส่ใจกฎหมายมากขึ้นนะ ยิ่งเราเป็นบุคคลสาธารณะ บางคำหากพิมพ์ผิดหรือตกลงไปก็อาจจะเป็นเรื่องได้ มันก็เป็นเรื่องสอนใจและเป็นเรื่องที่คนในวงการบันเทิงต้องรับทราบ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ”
“ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์นะครับ เป็นผมเหมือนเดิม ไม่ได้อะไร ทุกคนก็จะรู้ พอไปดูรูปที่ผมลงกับอาหารเช้ามันก็จะตลกอยู่แล้ว แต่เราช่วยเพราะเป็นเพื่อนเรา ผมว่าภาพคือสิ่งที่คนดูแล้วรู้อยู่แล้วว่าคนนั้นเขาคิดจะทำอะไร และเขากระทำแบบนี้มาต่อเนื่องหรือเปล่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผมก็ไม่ค่อยได้ดื่มอะไรมากอยู่แล้วครับ ผมไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ดื่มเลย แต่ด้านอื่นเราก็ส่งเสริมให้คนออกไปทำดีนะเราก็บอก โครงการอะไรที่ส่งเสริมเยาวชนผมก็ไป อะไรที่ดีผมก็ทำ”
“ส่วนเพื่อนที่ให้เราช่วยโพสต์ ทุกวันนี้ก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น (หัวเราะ) สนิทกันมากขึ้น เพราะเขาก็รู้สึกเกรงใจ แต่เราก็บอกไม่เป็นไรหรอก ช่วงนั้นพวกพี่เหล่าศิลปินดาราหลายท่านก็ไม่ทราบเหมือนผมเหมือนกัน และเราก็ไม่รู้ว่าผิดมาก่อน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล”
“ส่วนค่าปรับ เพื่อนไม่ได้ออกแทนครับ ผมออกเองได้ เอาเงินที่ทำงานนี่แหละครับออกไป แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากครับ ไม่ได้ซีเรียส”
“เรื่องทริปไปทะเลกับยิปซี (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) มันตั้งนานแล้วนิครับ ที่บอกว่าไปด้วยกัน ไม่ได้มีอะไร แต่เหตุผลที่ไม่ได้ลงรูปเพราะผมไปแค่วันเดียว แล้วชุดเสื้อผ้าคือผมไม่ชอบอ่า มันไม่ชอบที่ตัวเรา แต่เราชอบถ่ายรูป ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปเรื่อยๆ ครับ พัฒนาเมื่อไหร่หรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็บอก เราก็โตกันแล้ว และก็ไม่ชอบให้ใครมาถามว่าอะไรยังไง เขาเป็นผู้หญิงที่มีโลกของเขา ผมก็มีโลกของผม แค่พัฒนาจากความเป็นเพื่อนไปเรื่อยๆ ถ้ามันหยุดตรงไหนก็ตรงนั้น”
“ถามว่ามีโอกาสไหม คือตอนนี้เราก็สนิทกันอยู่ครับ ผมไม่ได้มาบอกหรือขีดเส้นว่าเป็นกำลังใจให้กันเหมือนคู่อื่นเขา เพราะทุกวันนี้มันก็ไม่ต่างจากวันนั้น เพียงแต่เรานับว่าเขาเป็นคนที่สนิทมาก (จะใช้คำนิยามว่ายังไง?) ความรักมันไม่ต้องมีคำนิยามหรอกครับ (สรุปว่าเป็นความรักแล้ว?) ไม่ใช่ครับ (หัวเราะ) ก็เป็นเรื่องดีๆ ไม่มีนิยามครับ เดี๋ยวพี่คุยกับผมหลังไมค์นะ (ยิ้ม) ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”