ได้คิวออกอากาศแล้วสำหรับละครครบรส โรแมนติกดราม่า คอมาดี้ในละครเรื่อง “รักหลงโรง” ของผู้จัด จริยา แอนโฟเน บริษัทเมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด กำกับการแสดงโดยปิยะพงษ์ คำภากุลนำแสดงโดย “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” และ “ท็อป-จรณ โสรัตน์” ร่วมด้วยดาราเจ้าบทบาทอีกคับคั่ง อาทิ ป๊อป-ฐากูร การทิพย์, ฝ้าย-นันทนัช โล่สุวรรณ,เต๋า-ภูศิลป์ วารินรักษ์,ซาย-ทหัยชนก สวนศรี,มะปราง-วิรากรานต์ เสณีตันติกุล,บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข,สุนารี ราชสีมา เป็นต้น
“รักหลงโรง” สร้างจากบทประพันธ์ของญนันทรบทโทรทัศน์ คนเขียนเงา กับ หลี่เจินเรื่องเริ่มที่ตุลา (จรณ โสรัตน์) ได้รับคำขอร้องจากยายขวัญ (โฉมฉาย ฉัตรวิไล)เจ้าของคณะลิเกแก้วขวัญ ขวัญประชา ซึ่งกำลังป่วยหนัก ให้ช่วยตามหาหลานสาวลูกแก้ว หรือ แกรนด์กีรณา(ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง)ให้กลับมาเยี่ยมไข้ด้วยความคิดถึง เพราะไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี ตุลารู้ว่ากีรณาเป็นดาราสาวซุปตาร์ผู้โด่งดัง ก็พยายามจะเข้าถึงตัว เพื่อบอกข่าวเรื่องยาย แต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่งกีรณาถูกใส่ร้ายในข้อหามียาเสพติดในครอบครอง โดนจับติดคุก ทำให้ดาราสาวคู่แข่งอย่างโรสิตา(วิรากรานต์ เสณีตันติกุล)และ เนตรดารา(บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข)ก็สะใจ นุ่มนิ่ม(ดีเจมะตูม) เป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่อารดา(พรนภา เทพทินกร)อาสาวของกีรณาก็ยังขายเธอให้กับท่านบวรฤทธิ์(ศานติ สันติเวชกุล) เสี่ยผู้มีอิทธิพลกีรณาเจ็บช้ำน้ำใจมาก หลังจากประกันตัวออกมา กีรณาต้องหลบๆซ่อนๆ กีรณาตัดสินใจไปเยี่ยมยายที่ป่วยตามคำบอกของตุลา แต่ยังไม่ทันไปถึงบ้านยาย ก็รู้ว่ายายขวัญได้เสียชีวิตไปแล้ว กีรณาขอให้ตุลาพาไปงานศพเพื่ออำลายายเป็นครั้งสุดท้าย กีรณาเสียใจมากที่ยายตาย แต่ก็ยังปากแข็งจนตุลาหมั่นไส้ ชาวคณะลิเกไม่ว่าจะเป็น มัทรี(สุนารี ราชสีมา) กัณหา(นันทนัช โล่สุวรรณ)ลูกสาวของมัทรี รวมทั้งชาลี(ภูศิลป์ วารินรักษ์) และหยกฟ้า(หทัยชนก สวนศรี) ต่างก็ไม่มีใครชอบกีรณาเท่าไหร่ เมื่อจัดงานศพยายขวัญเสร็จ กีรณาก็ถูกตุลาบังคับให้มาจัดการกับคณะลิเก ซึ่งทุกคนต่างก็มีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ทั้งลุงเสริม(ครูบุญสร้าง เรืองนนท์) หล่อ(คิง ก่อนบ่าย) รวมทั้งเด็กๆอย่างกุ๊ก(ด.ญ.กานต์พิชชา ชุนหะ) กิ๊ก(ด.ญ.กานต์ชนิต ชุนหะ)และเปี๊ยก(ด.ช.ชนะเดช เขียวเซ็น) ส่วนกัณหา กับ หยกฟ้า ยิ่งไม่ชอบกีรณามากขึ้น
ตอนแรกกีรณาคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแต่เมื่อคิดว่าน่าจะมีอะไรที่พอจะขายและนำรายได้มาสู่เธอได้เธอจึงยอมไปเพราะตอนนี้เธอกำลังตกยาก เมื่อไปถึงกีรณาก็พบว่ายายขวัญได้เลี้ยงคนไว้ในคณะลิเกจำนวนกว่าสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนเก่าคนแก่ที่เธอเคยเห็นหน้าและอยู่กับยายขวัญมาเป็นสิบปี เมื่อทุกคนเห็นกีรณาก็ดีใจแต่กีรณากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เธอเห็นว่าทุกคนคือภาระจึงประกาศว่าจะยกเลิกคณะลิเก และจะขายทุกอย่างที่ขายได้โดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำของเธอนั้นจะทำให้ใครเดือดร้อนหรือขาดรายได้ไปบ้างเพราะคนทั้งหมดหากินกับคณะลิเกมานาน
ตุลาซึ่งทนความเห็นแก่ตัวของกีรณาไม่ไหวเอาเอกสารสัญญาที่ยายขวัญได้ทำไว้กับนายจ้างที่มาจ้างการแสดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวัดและงานแก้บนมาให้กีรณาดู และบอกว่าหากกีรณายกเลิกจะต้องจ่ายเงินค่ายกเลิกสัญญาเป็นสองเท่าของค่าจ้าง ซึ่งรวมแล้วก็เป็นจำนวนเงินหลายแสนบาทกีรณาตกใจ กีรณาจึงจำเป็นต้องบริหารคณะลิเกต่อไปคณะลิเกประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายกีรณาจึงคิดจะเอาคนออก แต่ตุลาที่ทนไม่ได้กับความคิดอันเห็นแก่ตัวของกีรณาก็เอาสัญญาอีกฉบับมาให้กีรณาดู ว่ากีรณาต้องเลี้ยงดูคนทั้งหมดหากไล่ใครออกต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนห้าแสนต่อคน ซึ่งกีรณาไม่มีเงินและไม่สามารถที่จะเลี้ยงคนเหล่านี้ได้ตุลาก็ต้องช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กีรณาตลอด ขณะเดียวกันด้านเสี่ยฮุ่ย(จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ซึ่งหลงรักมัทรีมานานแล้ว และลูกชายชิบ(กันต์ กรวิชญ์) ที่ชอบกัณหาคอยมาป่วน แต่ก็มีหมวดไรวินทร์(ฐากูร การทิพย์) ซึ่งแอบชอบกัณหา มาคอยกันท่า และต่อร้องต่อเถียงกับกัณหาตลอด
กีรณาพยายามบริหารคณะลิเก หลายครั้งที่แย่ ถึงขนาดที่กีรณาต้องเป็นนางเอกลิเกจำเป็น กีรณากับตุลาสนิทกันมากขึ้น เพราะเมื่อมีปัญหาในคณะลิเกตุลาก็จะมาช่วยเหลือตลอดเวลาซึ่งกีรณาไม่เคยรู้ว่าตุลาเป็นทนายและเข้าใจว่าเขาเป็นชาวนาเนื่องจากตุลาขอครอบครัวมาอยู่กระท่อมปลายนาเพื่ออ่านหนังสือ ตุลาบอกให้กีรณารื้อคดีเรื่องยาเสพติดขึ้นมาใหม่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเรื่องราวความรักระหว่าง ตุลา และ กีรณาจะเป็นอย่างไรต่อไป แล้วในที่สุดเธอจะพ้นมลทินได้หรือไม่ แฟนๆ สามารถติดตามชมได้ในละคร
รักหลงโรง
ท็อป จรณ กล่าวถึงบทตุลาให้ฟังว่า
“ตุลาจะเป็นผู้ชายที่มีการศึกษาจบทนายความ กำลังจะสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แล้วก็หลงรักการแสดงลิเก ชอบดูลิเกตั้งแต่เด็ก ผูกพันกับคณะลิเกของยายขวัญ ก็ทำหน้าที่เหมือนพี่เลี้ยงให้กีรณา ให้มิ้นท์ในเรื่องแหละ คอยว่าคอยสอนเค้าทุกสิ่งอย่าง เป็นเหมือนที่ปรึกษา ได้มาร่วมงานกับมิ้นท์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองแล้ว เคยร่วมงานจากเรื่องเหนือเมฆ มาเรื่องนี้ก็คุ้นเคยอยู่แล้วครับ บทเรื่องนี้ค่อนข้างครบรส ก็เล่นกันสนุกดี มีดราม่า มีไล่ล่า มีเล่นลิเก ความรักในเรื่องก็จะเป็นรักแบบใสใส บ้านๆ ลูกทุ่งหน่อยครับ ค่อยๆซึม ไม่หวานมาก เป็นการช่วยเหลือกันไปมามากกว่า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เล่นลิเกด้วยกัน ดูเรื่องนี้แล้วจะได้แง่คิดการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ดูกันเพลินๆครับละครเรื่องนี้ อยากให้ติดตามชมกันดู ได้ยิ้ม และได้สืบสานงานลิเกไปด้วยกันครับ”
ส่วนสาวมิ้นต์ พูดถึงบทของกีรณาในเรื่องนี้ว่า
“เรื่องนี้มิ้นต์ได้เล่นอะไรหลากหลายมาก จากซุปตาร์สาวเย่อหยิ่ง เหวี่ยง เอาแต่ใจ ไม่ยอมใคร ต้องมาบริหารคณะลิเก ใช้ชีวิตแบบลูกทุ่งหน่อย แก้ปัญหาต่างๆ ร้องไห้ไปกับชีวิตที่ล้มไม่เป็นท่า แล้วก็ต้องมาร้องลิเก ซึ่งยอมรับเลยค่ะว่าเป็นอะไรที่ยากมาก ทั้งร้อง ทั้งรำ แล้วก็อารมณ์ละครตอนแสดงที่ส่วนใหญ่ต้องดราม่า อย่างรำลิเกชุดแก้วหน้าม้า ที่รำหน้าศพ จะเศร้ามาก แล้วก็ต้องร้องรำไปด้วย ยากมากเลยค่ะ อารมณ์ทุกอย่างต้องมาหมด ยอมรับเลยค่ะเรื่องนี้เป็นละครที่ยากที่สุดตั้งแต่เล่นมา ทั้งบท ทั้งร้องรำลิเก ยากหมดเลย ร้องไห้เยอะด้วยค่ะ อย่างบทหวานๆกับท็อปไม่ค่อยมีหรอก จะเป็นแนวหนีการไล่ล่าด้วยกัน เผชิญปัญหาด้วยกัน แก้ปัญหาด้วยกันไป ก็ฝากให้ติดตามละครเรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งละครที่มิ้นต์ได้พลิกบทบาทการแสดง อาจจะร้องลิเกไม่เก่งมาก แต่มิ้นต์ทำเต็มที่ค่ะทั้งการร้อง การรำ แล้วอยากจะบอกว่าลิเกจริงๆแล้วสนุก อยากให้คนไทยหันมาดูลิเกกันค่ะ”
ติดตามชม“รักหลงโรง” ทุกวันศุกร์ เวลา 20.45 – 23.00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 – 22.45 น. ทางช่อง 3HD ช่อง 33 เริ่มอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคมนี้