ทำเอาช็อกไปสุดๆ เหมือนกัน สำหรับนักแสดงสาว “จันจิ-จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย” หลังทราบว่าคุณพ่อที่มีอาการป่วยโรคไบโพลาร์กินยานอนหลับเกินขนาด จนต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดสาวจันจิเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวให้ฟังว่า
“ที่เห็นในรูปอาจจะดูเหมือนว่าคุณพ่อดูเบลอๆ เพราะคุณพ่อกินยานอนหลับเกินขนาดค่ะ ท่านเป็นไบโพลาร์ อาการดูสวิงก็เลยทำให้ดูเบลอช่วยตัวเองไม่ได้ ก็เลยเข้าโรงพยาบาลไปประมาณ 5 วัน พอออกมาก็ใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ สาเหตุคือท่านอาจจะนอนไม่หลับเลยเพิ่มขนาดยามากขึ้น หลังจากนี้ก็ต้องให้พี่เลี้ยงช่วยจัดยา สิ่งที่เราทำได้คือต้องเข้าไปคุยกับเขา เพราะท่านเป็นคนที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ชอบออกมาข้างนอก เราก็พยายามแต่ยากมาก ถ้าไม่ไปโรงพยาบาล คุณพ่อก็จะไม่ออกจากบ้านเลย เหมือนเป็นนิสัยของคุณพ่ออยู่แล้วที่ชอบอยู่คนเดียวในห้อง”
“คุณหมอก็ไม่ได้แนะนำอะไร อยู่ที่ตัวคุณพ่อมากกว่าเพราะท่านเป็นโรคไบโพลาร์ ซึมเศร้าอยู่แล้วก็ต้องอยู่ที่ใจของคุณพ่อว่าจะมีทัศนคติที่บวกขึ้นหรือเปล่า และการที่ทานยาก็ต้องคุมดีๆ จริงๆ คุณพ่อเป็นแบบนี้หลายรอบแล้วที่ต้องเข้าโรงพยาบาล”
“ถามว่าหนูตกใจไหม ครั้งนี้ก็ไม่ได้ตกใจเหมือนครั้งก่อนๆ เพราะครั้งแรกๆ ที่มันเกิดขึ้นหนูตกใจมาก แต่ว่าตอนนี้เราเริ่มรับมือได้แล้ว ยิ่งตัวหนูเองมีพี่สาวด้วยเราก็ค่อยๆ ช่วยกันสลับดูแลกันไป เราไม่ได้ดูแลตลอดเวลาเพราะต้องทำงาน หนูเป็นห่วงท่านมาก เพราะล่าสุดพี่สาวบอกว่าคุณหมอเพิ่งจะตรวจถุงลมเล็กๆ ในปอด มันก็เลยยิ่งทำให้เรากังวลเรื่องการสูบบุหรี่ของคุณพ่อ เราห้ามประจำแต่ท่านดื้อ”
“ตอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล 5 วัน คุณหมอก็ปรับยา มีกายภาพบำบัดให้คุณพ่อขยับตัวเยอะๆ ท่านทราบว่าตัวเองป่วยนะคะ แต่ว่าช่วงไหนที่เกิดอาการกำเริบท่านก็จะจำอะไรไม่ได้เลย และพอเขาหายเขาก็จะตามมาถามย้อนหลังว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้เหรอ ซึ่งเราเองก็ต้องคอยระวังแทนท่าน คอยดูท่านอย่างใกล้ชิดไม่ให้ท่านเครียด”
“หนูเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่าค่ะ เพราะเรื่องการดูแลเราเองก็ค่อนข้างชินแล้ว แต่ว่าเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งมันสูงมาก คือถ้าท่านต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่งก็เป็นหลักแสน เราทุกคนในบ้านก็เลยต้องพยายามช่วยเหลือกัน ถ้าคุณพ่อดูอยู่ตอนนี้ก็รักษาร่างกายดีๆ นะคะ ตอนนี้ออกข่าวแล้วนะคุณพ่อ (ยิ้ม) จริงๆ ท่านมีโอกาสหายถ้าท่านไม่เติมยาด้วยตัวเอง บางทีเราก็ไม่รู้ว่าท่านแอบไปทำอะไรบ้าง ก็ต้องคุยกับเขาบ้าง”
“มาริโอ้” ได้เข้ามาให้กำลังใจเราอย่างไรบ้าง “มีค่ะ พี่เขาก็ช่วยซื้ออาหารที่คุณพ่อท่านอยากทานไปส่งให้ และก็เข้าไปช่วยดูแลบ้างในวันที่พี่เขาว่าง แต่ว่าก็ไม่ได้มาทุกวัน มาแค่ครั้งเดียว ซึ่งคุณพ่อก็จำไม่ได้ จริงๆ เขาก็มีให้กำลังใจเหมือนกัน บอกกับเราว่าอย่าเครียดและก็ให้เราค่อยๆ กับคุณพ่อเพื่อที่คุณพ่อจะได้มีกำลังใจสู้กับโรค”