อเล็กซ์ เรนเดล, เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และครอบครัว, ดุ๊ก-ภาณุเดช วัฒนสุชาติ และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความปลามปลื้มใจที่ได้ลงพื้นที่ สัมผัสชีวิตตามแนวพระราชดำริที่แฝงไปด้วยความเรียบง่าย พอเพียง แต่เลี้ยงตนได้อย่างสุขใจ ในโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้เป็นการน้อมนำศาสตร์ของพระราชา เพื่อมาต่อยอดในการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว หรือการเดินทางสู่เมืองรอง
อเล็กซ์ เรนเดล กล่าวว่า “เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับการท่องเที่ยว ที่นอกจากจะได้ท่องเที่ยวแล้วยังได้เรียนรู้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ได้ลงมือทำ ได้แลกเปลี่ยนความคิด ได้รู้จักคำว่าพอเพียงที่ไม่ได้เป็นแค่ตัวอักษรหรือคำพูด หากแต่เป็นความคิดและการกระทำ ความคิดที่พอเพียงจะนำไปสู่การใช้ชีวิตที่พอเพียง เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่ครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์ที่ดีและหาที่ไหนไม่ได้อีก”
เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี กล่าวว่า “ประทับใจในทุกพื้นที่ที่ได้ไปสัมผัส เพราะทุกพื้นที่ล้วนแต่เป็นร่องรอยของวัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือถึงเราอยู่ ไม่ว่าจะการชมปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว ในวนอุทยานเขากระโดง หรือความงามงดของปราสาทหินเขาพนมรุ้ง อีกทั้งวิถีชีวิตที่เรียบง่ายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรผสมผสาน ปลูกผักรอบบ้าน พอได้ผลก็เก็บมากิน เหลือก็นำขายสร้างรายได้ ทุกอย่างสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด”
ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และครอบครัว กล่าวว่า “ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวในเชิงวิถีไทย เรียบง่ายตามรอยศาสตร์พระราชา ทั้งยังเป็นการเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาที่ทุ่งโปรงทอง ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และได้ลงมือคราดหอย ต้องบอกเลยว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ในอีกหนึ่งรูปแบบที่เชิญชวนให้ทุกคนมาสัมผัสกัน”
ดุ๊ก-ภาณุเดช วัฒนสุชาติ กล่าวว่า “ในการท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สิ่งหนึ่งที่จะได้นอกจากความรู้แล้ว ยังเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เราได้พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือความสวยงามของธรรมชาติ การที่ได้เห็นผู้คนพึ่งพาธรรมชาติแต่ก็คืนประโยชน์ให้ธรรมชาติเช่นกัน มันทำให้เกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมาในใจ และอยากให้นักท่องเที่ยวทุกคนรู้สึกแบบนี้เช่นกัน”
ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร กล่าวว่า “การได้มาเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา ทำให้เห็นว่าคำว่า พอดี พอเพียง มันเป็นทฤษฎีที่ทำได้ง่ายและเกิดประโยชน์ได้จริงๆ เห็นได้จากชาวบ้านที่อยู่อย่างพอเพียง มีกิน มีใช้ และที่สำคัญคือมีความสุข มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และสุขภาพที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว อากาศบริสุทธิ์ มันก็สามารถบ่งบอกแล้วถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เลยอยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสกัน”
โดยเส้นทางของโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว ประกอบด้วย 5 เส้นทาง คือ โครงการ 1 ไร่แก้จน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 จังหวัดราชบุรี–ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม, โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์, โครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ-ชุมชนปากน้ำประแส จ. ระยอง, โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง-ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช และ โครงการเกษตรวิชญา-ชุมชนบ้านไร่กองขิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทั้งทางด้านพื้นที่ และการเชื่อมโยงด้านการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง
ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวทั้ง 5 เส้นทาง ที่คณะทูตจะได้ลงพื้นที่นั้น อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน และจะมีการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมติดตามและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/kingwisdom