ทำเอาแฟนคลับฟินกันยกใหญ่ เมื่อพระเอกหนุ่ม “เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์” ร่วมโผล่เซอร์ไพรส์ในงานมีตติ้งนางเอกร่วมช่องอย่าง “อาย กมลเนตร” ที่ได้จัดขึ้นให้แฟนคลับ งานนี้หลายถึงจับตากับการแสดงความน่ารักฉบับพี่น้องของทั้งคู่ เท่านั้นยังไม่พอ ล่าสุดหนุ่ม “เกรซ” ได้บินไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน สาว “อาย” ก็ยังติดสอยห้อยตามไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวอีกด้วย
พอได้เจอหนุ่ม “เกรซ” ในงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่อง “Blade Runner 2049” ณ บางกอก บลูริบบอร์น เล้าจ์ โรงภาพยนตร์ Paragon Cineplex พารากอน ซีนีเพล็กซ์ , ชั้น 5 เลยขอถามถึงเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องนำเงินทำบุญที่ได้รับตอนบวช ไปทำบุญและสร้างรั้วให้โรงเรียนที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
ถามถึงทริปไต้หวันที่มี อาย กมลเนตร เรืองศรี ไปด้วย ?
“ที่ไปไต้หวันคือผมไปทำงานครับ ส่วนที่เห็นน้องอายไปด้วย อันนี้ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นงานเกี่ยวกับมาสก์หน้ายี่ห้อหนึ่ง ผมรับงานนี้มาและต้องลงไอจีให้ครบตามกำหนด แต่ก็ต้องมีการขอโทษทางทีมงานเนื่องจากตอนนั้นบวชอยู่ ซึ่งไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย จำเป็นต้องให้น้องสองคนที่สนิทที่เคยไปทริปถ่ายรายการมาด้วยกันช่วยลงไอจีให้ คลิปนี้ก็เลยต้องพาน้องๆ ไปด้วยเหมือนเป็นรางวัลให้เขา”
แต่งานแฟนมีตติ้งของอาย ก็เห็นเราไปด้วยเหมือนกัน หลายคนสงสัยในความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ ?
“ต้องไปครับเพราะว่าเขาขอมาเลยจัดให้ ส่วนที่มีคนสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ อันนี้ผมเชื่อครับ ใครที่ได้ไปงานแฟนมีตติ้งวันนั้นก็คงสงสัย เป็นผมก็สงสัย (หัวเราะ) คือเราสองคนสนิทกันจริงๆ แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่าพี่น้อง เรื่องที่มีคนแซวว่าคบกัน จริงๆ มีคนแซวแบบนี้มานานแล้ว ผมกับอายเป็นคนที่ค่อนข้างคลิกอะไรกันได้ง่ายๆ แต่ไม่มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้เพราะว่าเป็นพี่น้องกัน เราสองคนคิดกันไว้แล้วว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว ไม่ได้มีอะไรเกินเลย ผมกับน้องสนิทกันจริงๆ แล้วก็สนิทกันแบบเปิดเผยด้วย จริงๆ ก็ยินดีแหละเพราะมีแฟนคลับหลายคนยังให้จิ้นกับอายอยู่และมีรูปคู่น่ารักๆ (ยินดีนี่หมายถึงว่าถ้าเป็นแฟนกันก็ยินดีใช่ไหม ? ) ไม่ใช่อย่างนั้น อย่าเบี่ยงเบนสิ (ยิ้ม)”
ล่าสุดไปทำกิจกรรมคนหล่อขอทำดี ?
“อ่อใช่ เป็นกิจกรรมที่ทำทุกปี เหมือนเราเป็นตัวแทนของนักแสดงที่เราได้ทำความดี ก็ดีมากครับ ภายใต้คอนเซ็ปต์หล่อพอเพียง ปีนี้ผมไปทำที่มูลนิธิชัยพฤกษ์ แถวคลอง 16 มีหลายสิ่งที่ได้เห็นแล้วรู้สึกดีต่อใจ ได้ข้อคิด และมีพลังดีๆ กลับมา ที่นี่เป็นมูลนิธิที่ป้าหมอกับลุงหมอซึ่งเป็นคู่ชีวิตกัน ปัจจุบันเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด 18 คนเลี้ยงเหมือนลูกของตัวเอง เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ส่งจนถึงเรียนจบมหาวิทยาลัย ท่านทำแบบนี้มาแล้วเป็นร้อยคน แรงบันดาลใจที่ได้กลับมาเป็นเรื่องของการให้ ตอนที่ไปเจอป้าหมอกับลุงหมอ ท่านเป็นคนที่มีพลังบวกในตัว พร้อมที่จะให้คนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพเพราะท่านทั้งสองมีความพอเพียงกับสิ่งที่ตัวเองมี จนรู้สึกว่าอยากที่จะแบ่งปัน ทำให้เห็นว่าการมีความสุขนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รับอย่างเดียว
ผมเองมีโอกาสได้ช่วยเหลือน้องๆที่บ้านเกิดของตัวเอง ตอนนั้นที่ผมบวชก็ไปจำวัดอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้คลุกคลีกับโรงเรียนที่ภูทับเบิก แล้วตอนที่ผมบวชผมได้เงินทำบุญเยอะมาก ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งผมก็ตกใจพอสมควร ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ร่วมอนุโมทนากับผม หลังจากที่ผมสึกแล้วคุณพ่อคุณแม่ของผมเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ว่าจะเป็นใส่บาตรหรือว่าใส่ซองทำบุญ ผมเป็นคนนับเงินทั้งหมดเองถึงได้รู้ว่าได้เป็นจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ โดยผมได้แบ่งเงินจำนวนหนึ่งไปทำบุญให้กับโรงเรียนภูทับเบิกร่วมใจ ซึ่งอยู่ใกล้วัดที่ผมไปบวช
นอกจากนี้ยังได้นำเงินไปสร้างรั้วให้กับศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งเป็นโรงเรียนของชาวเขาที่นั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณครูที่นั่นมาบอกว่าบางทีเด็กๆ ก็กลิ้งตกเขาบ้าง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเด็กๆ กลิ้งตกเขาสูงอะไรแบบนั้น ซึ่งคุณครูอยากได้รั้ว ผมเลยรวมรวมเงินและสร้างรั้วให้ ตอนนี้กำลังรอวันที่จะไปส่งมอบอย่างเป็นทางการ แต่ว่าก็ยังเหลือเงินอยู่อีกซึ่งคุณแม่กับผมเป็นคนดูแล ถ้าเกิดมีกิจกรรมดีๆ ผมก็จะเอาเงินก้อนนี้ที่คนได้ทำบุญมาทั้งหมดไปสร้างต่อยอดเรื่อยๆ”